Thailand: 2 prominent pro-democracy defenders were filed additional charges
Event- Country
- Thailand
- Initial Date
- Apr 27, 2021
- Event Description
The Thai police came to the Bangkok Remand Prison and additional filed lèse-majesté and Sedition charges against Mr. Chiwarak and Mr. Nampa following their involvement in the peaceful gathering on 29 November 2020
27 เมษายน 2564 เวลา 10.30 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี รองผู้กํากับการ (สอบสวน) สน.บางเขน ในฐานะคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง บก.น.2 ที่ 101/2564 เดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหากับ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ และ อานนท์ นำภา จากการจัดขบวนแห่และขึ้นกล่าวปราศรัยให้กำลังใจ 8 ผู้ต้องหา ผู้ได้รับหมายเรียกในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 ในคดี #ม็อบ29พฤศจิกา ซึ่งทั้ง 8 คนเดินไปทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.บางเขน เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563
ในวันนี้เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ในห้องเยี่ยมของทนาย โดยมีทนายความ และผู้ไว้วางใจเข้าร่วมรับฟังด้วย
บันทึกแจ้งข้อกล่าวหาระบุว่า คดีนี้เริ่มมาจากการชุมนุมที่หน้ากรมทหารราบที่ 11 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 โดยมีวัตถุประสงค์ในการปราศรัยเรื่อง การปลดอาวุธศักดินาไทย ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ มีแกนนําที่ถูกดําเนินคดีในการชุมนุมในคราวนั้นรวม 8 ราย ได้แก่ อานนท์ นำภา, พริษฐ์ ชิวารักษ์, ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, สมยศ พฤกษาเกษมสุข, พรหมศร วีระธรรมจารี, พิมพ์สิริ เพ็ชรน้ำรอบ, ณัฏฐธิดา มีวังปลา และอินทิรา เจริญปุระ ทั้งหมดถูกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.บางเขน ในวันที่ 21 ธันวาคม 2563 เวลา 10.00 น.
ต่อมา เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 อานนท์และพริษฐ์ได้เดินทางมาถึงที่บริเวณลานจอดรถด้านหน้า สน.บางเขน หลังจากนั้นแกนนําในกลุ่มผู้ชุมนุมนี้ได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัย โดยอานนท์ได้ขึ้นปราศรัยมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันกษัตริย์ รายละเอียดคำปราศรัย ในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาตอนหนึ่งระบุว่า
“…เขาบอกว่าการต่อสู้ของพวกเราครั้งนี้ อันนี้เรียนตามตรงมันเลี่ยงที่จะโดน 112 ไม่ได้ เลี่ยงไม่ได้เพราะอะไรก็เพราะว่าพวกเรา มาชี้ข้อบกพร่องของสถาบันกษัตริย์ มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงข้อดีมันต้องพูดถึงข้อเสีย เพราะอย่างนั้นจะไม่มีการปฏิรูป ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ อย่างเดียว แล้วจะเอาข้อมูลอะไรไปปฏิรูป ….ถ้าผมไม่พูดถึงสถาบันกษัตริย์แล้วท่านจะปรับตัวได้อย่างไร ในเมื่อมีแต่คนสรรเสริญเยินยอ วันนี้เรามาพูดแทนพี่น้องทั้ง ประเทศ เพื่อให้สถาบันกษัตริย์ปฏิรูปมันไม่ใช่การล้มล้าง ผมเรียนตั้งแต่ต้นมันไม่ใช่การล้มล้าง อย่ามากล่าวหากัน แต่ถ้าท่านไม่ยอมปฏิรูปปีหน้าเจอกัน”
“ทําไมเราต้องมาเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เพราะว่าเรายังเห็น ณ วันนี้ ว่าบ้านเมืองเรามันเป็นประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุขยังทําได้ เราจึงเรียกร้องให้มีการปฏิรูป… นอกจากหลักธรรมของกษัตริย์แล้ว การละเมิดต่อกฎหมายที่เราคิดว่าท่านทำผิดท่านต้องปรับปรุงตัว การเอากองกำลังทหารเป็นของตัวเองอันนี้คือเรื่องผิด และการเอาทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณะไปเป็นของตนอันนี้ก็ขัดหลักการเต็มๆ…”
“…ใครก็ตามที่ไม่ทรงพระเจริญ ใครก็ตามที่ไม่ใส่เสื้อเหลืองมีโอกาสโดนทุกคนถ้าพูดความจริง และถ้าไม่ยกเลิก 112 ไม่มีทางปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ได้ เพราะเราจะไม่สามารถบอกว่าอันนี้มันมีอะไรบกพร่อง ถ้าติไม่ได้ ชมอย่างเดียว มันพาเราลงเหวรถคันนี้ นั่นคือเหตุผล จะแจ้งจับก็เชิญ เราก็พร้อมสู้คดี ขอบคุณดังๆ ไปยังศาลยุติธรรมด้วยที่ตํารวจไปขอออกหมายจับแล้วศาลไม่ออกให้ บอกว่าไอ้คนพวกนี้มันเป็นคนมีวินัย ออกหมายเรียกเราก็ไปเจอ ใช่ไม่ใช่ แล้วเจอกันที่ศาลครับพี่น้องตํารวจ เราจะเอารูปทุกรูปเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ข้อมูลทุกอย่างไปนําเสนอที่ศาล แล้วเจอกัน ท่านอย่าอ้าปากหวอเมื่อเจอรูปเหล่านั้น”
ความเห็นโดยสรุปของพนักงานสอบสวนระบุว่า จากคําปราศรัยของอานนท์มีเนื้อหาเป็นการวิพากษ์วิจารณ์พระราชอํานาจของพระมหากษัตริย์ ทําให้ผู้ที่ได้ฟังเข้าใจว่า ผู้พูดกําลังพูดถึงรัชกาลที่ 10 รัชกาลปัจจุบัน โดยเนื้อหาทั้งหมดเป็นการกล่าวพาดพิง ให้ร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ ว่าเป็นการยักยอกเอาทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณะไปเป็นของตนเอง มุ่งให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อน สร้างความเสื่อมศรัทธาให้เกิดขึ้นในหมู่ชน จึงเป็นการร่วมกันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดูหมิ่น หมิ่นประมาท รัชกาลที่ 10 ทําให้สถาบันพระมหากษัตริย์ได้รับความเสียหาย
ส่วนบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาของ “เพนกวิน” พริษฐ์ ระบุเช่นเดียวกันว่า คําปราศรัยของพริษฐ์ มีเนื้อหาเป็นการวิพากษ์วิจารณ์พระราชอํานาจของพระมหากษัตริย์ ทําให้ผู้ที่ได้ฟังเข้าใจว่า ผู้พูดกําลังพูดถึงรัชกาลที่ 10 รัชกาลปัจจุบัน เนื่องจากมีการใช้คําว่า “พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” โดยมุ่งชี้ประเด็นการโอนกําลังพลราบ 11 รักษาพระองค์ และราบ 1 รักษาพระองค์ ไปสังกัดภายใต้บังคับบัญชาของพระองค์ เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ก้าวล่วงพระราชอํานาจของพระมหากษัตริย์โดยตรง
ทั้งมีการกล่าวหาว่าทรงเป็นฆาตกร หรือผู้อยู่เบื้องหลังกรณีการอุ้มหายของบุคคลต่างๆ โดยมีการพูดเพื่อให้ผู้ฟังคล้อยตามโดยขาดพยานหลักฐาน มีการเปรียบเทียบให้เป็นกองกําลังของฮิตเลอร์ โดยเนื้อหาทั้งหมดเป็นการกล่าวพาดพิง ให้ร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ ทั้งเป็นการกล่าวหาที่มุ่งให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อน สร้างความเสื่อมศรัทธาให้เกิดขึ้นในหมู่ชน จึงเป็นการร่วมกันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดูหมิ่น หมิ่นประมาท รัชกาลที่ 10 ทําให้สถาบันพระมหากษัตริย์ได้รับความเสียหาย
พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี จึงได้แจ้งข้อกล่าวเพนกวินและอานนท์ รวม 5 ข้อหา คือ
ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมาหกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุมฯ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ มาตรา 10 ร่วมกันชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ มาตรา 8 ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4 ร่วมกันกระทําการหรือดําเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่อแพร่ออกไป ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาตรา 34 (6) อานนท์และพริษฐ์ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเป็นหนังสือภายใน 30 วันเพนกวินยังได้บันทึกหมายเหตุด้วยปากกาไว้ท้ายบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าปัจจุบันข้าพเจ้าถูกควบคุมอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไม่ได้มีเจตนาจะหลบหนีหรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือจะไปก่อเหตุภยันตรายประการอื่น หากพนักงานสอบสวนจะสอบสวนเพิ่มเติมหรือกำหนดนัดอื่น ข้าพเจ้าก็พร้อมที่จะเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และหากพนักงานสอบสวนมีหมายจับก็ขอให้แสดงต่อข้าพเจ้าในวันนี้”
ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมหน้า สน.บางเขน เพื่อให้กำลังใจนักกิจกรรม ที่เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 ในวันที่ 21 ธันวาคม 2563 นี้ พ.ต.ท.อนันต์ วรสาตร์ รองผู้กำกับสืบสวน สน.บางเขน ได้แจ้งความให้ดำเนินคดีนักกิจกรรมรวม 7 ราย ได้แก่ อานนท์ นำภา, “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์, “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก, “ฟ้า” พรหมศร วีระธรรมจารี, ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, วรรณวลี ธรรมสัตยา และพิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ โดย 5 ราย เป็นผู้ที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันดังกล่าวและถูกดำเนินคดีอีกคดี ได้แก่ อานนท์, พริษฐ์, พรหมศร, ชินวัตร และพิมพ์สิริ
โดยเฉพาะอานนท์, พริษฐ์ และชินวัตร ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 ซ้ำอีกคดี จากการจากการหยิบยกเนื้อหาคำปราศรัยในประเด็น “ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” ที่หน้ากรมทหารราบที่ 11 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดี 112 และต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันนั้น
สวนภาณุพงศ์, พรหมศร, วรรณวลี และพิมพ์สิริ ถูกดำเนินคดีใน 4 ข้อหา ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ และอื่นๆ
ก่อนหน้านี้ ชินวัตร, วรรณวลี และพิมพ์สิริ ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกแล้ว ขณะที่ผู้ถูกออกหมายเรียกอีก 4 ราย ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ได้แก่ ภาณุพงศ์, พรหมศร, อานนท์ และพริษฐ์ พนักงานสอบสอนได้ทยอยเข้าแจ้งข้อกล่าวหาจนครบแล้ว
- Impact of Event
- 2
- Gender of HRD
- Man
- Violation
- (Arbitrary) Arrest and Detention
- Judicial Harassment
- Rights Concerned
- Freedom of assembly
- Offline
- Right to liberty and security
- HRD
- Lawyer
- Pro-democracy defender
- Student
- Youth
- Perpetrator-State
- Police
- Source
- Monitoring Status
- Pending
- Event Location
Latitude: 13.805096251938508
Longitude: 100.46218480980285
- Event Location
- Summary for Publications
On April 27, 2021, Parit Chiwarak and Anon Nampa, two pro-democracy defenders leaders were filed additional charges by the police as they were involved in the peaceful gathering in November 2020 in Bangkok, Thailand